วิกิซอร์ซ
thwikisource
https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81
MediaWiki 1.43.0-wmf.3
first-letter
สื่อ
พิเศษ
พูดคุย
ผู้ใช้
คุยกับผู้ใช้
วิกิซอร์ซ
คุยเรื่องวิกิซอร์ซ
ไฟล์
คุยเรื่องไฟล์
มีเดียวิกิ
คุยเรื่องมีเดียวิกิ
แม่แบบ
คุยเรื่องแม่แบบ
วิธีใช้
คุยเรื่องวิธีใช้
หมวดหมู่
คุยเรื่องหมวดหมู่
สถานีย่อย
คุยเรื่องสถานีย่อย
ผู้สร้างสรรค์
คุยเรื่องผู้สร้างสรรค์
งานแปล
คุยเรื่องงานแปล
หน้า
คุยเรื่องหน้า
ดัชนี
คุยเรื่องดัชนี
TimedText
TimedText talk
มอดูล
คุยเรื่องมอดูล
หน้า:Karl Marx - Wage Labor and Capital - tr. Harriet E. Lothrop (1902).djvu/82
250
69912
225461
225459
2024-05-02T12:00:19Z
Thastp
9008
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="3" user="Thastp" />{{หัวสลับ|16|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude>เยอรมันหันหน้าหาการคุ้มกัน ในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องมีการค้าเสรียิ่งกว่าตอนไหน แน่ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมเหตุสมผลเลย แต่อธิบายได้ ในตอนที่เยอรมนีเป็นประเทศส่งออกธัญพืช กลุ่มผลประโยชน์การเกษตรสนับสนุนการค้าเสรีมากไม่แพ้ไปกว่าอุตสาหกรรมขนส่งทางเรือ แต่ในปี 1874 แทนที่จะส่งออก เยอรมนีต้องการธัญพืชราคาถูกจำนวนมากจากต่างประเทศ ในเวลาเดียวกัน อเมริกาเริ่มตีตลาดยุโรปด้วยธัญพืชราคาถูกปริมาณมหาศาล ไปที่ไหน รายได้ตอบแทนจากที่ดินยิ่งต่ำลง ค่าเช่าก็เช่นกัน นับแต่ตอนนั้น กลุ่มผลประโยชน์การเกษตรทั่วทั้งยุโรปเริ่มเรียกร้องมาตรการคุ้มกัน พร้อมกันนั้น อุตสาหกรรมเยอรมันกำลังประสบผลกระทบของการค้าเกินกำลังอันเนื่องจากค่าปฏิกรรมสงครามหลายพันล้านที่ฝรั่งเศสจ่าย และการค้าอังกฤษ ตั้งแต่วิกฤตการณ์ในปี 1866 อยู่ในภาวะตกต่ำเรื้อรัง และส่งสินค้าที่ขายไม่ออกในประเทศไปขายที่ต่างประเทศในราคาถูกย่อยยับ ล้นทุกตลาดที่เข้าถึง อุตสาหกรรมเยอรมันที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักก็เริ่มมองการคุ้มกันเป็นวิธีรับรองการผูกขาดตลาดในประเทศ แล้วรัฐบาลใต้อุ้งมือขุนนางเจ้าของที่ดินก็ดีใจที่จะทำกำไรจากสถานการณ์นี้ เพื่อเอื้อผู้รับประโยชน์จากค่าเช่าที่ดิน ด้วยการกำหนดภาษีคุ้มกันให้กับทั้งเจ้าที่ดินและนักอุตสาหกรรม ในปี 1878 มีการประกาศใช้ภาษีคุ้มกันในระดับสูงกับผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าประดิษฐกรรม
ผลที่ตามมาคือ ผู้บริโภคในประเทศกลายเป็นคนควักเงินอุ้มการส่งออกของอุตสาหกรรมเยอรมัน เมื่อใดที่ทำได้ ก็รวมหัวกันควบคุมการค้าส่งออก<noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
ac1v92hrc2mrxea92o0wwxqrl78nivc
หน้า:Karl Marx - Wage Labor and Capital - tr. Harriet E. Lothrop (1902).djvu/83
250
69914
225462
225460
2024-05-02T12:00:24Z
Thastp
9008
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="1" user="Thastp" />{{หัวสลับ|17|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude>และการผลิตเอง อุตสาหกรรมผลิตเหล็กของเยอรมนีอยู่ในมือของบริษัทใหญ่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมหุ้น รวมกันแล้วผลิตได้มากกว่าที่การบริโภคโดยเฉลี่ยของประเทศสามารถดูดซับได้ถึงสี่เท่า บริษัทเหล่านี้รวมหัวกันหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเองโดยไม่จำเป็น โดยแบ่งสัญญาซื้อขายต่างประเทศระหว่างกัน และกำหนดเจ้าที่จะยื่นประมูลตัวจริงในแต่ละกรณี ไม่กี่ปีก่อน การรวมหัวกันนี้ยังสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าของโรงหลอมเหล็กอังกฤษ แต่ไม่รอดถึงฝั่ง เช่นเดียวกัน เหมืองถ่านหินในเว็สท์ฟาเลิน (ผลผลิตราวสามสิบล้านตันต่อปี) รวมกลุ่มรวมหัวกันควบคุมการผลิต การประมูลสัญญา และราคา ทั้งหมดทั้งมวล นักอุตสาหกรรมเยอรมันทุกคนจะบอกว่าประโยชน์เดียวของภาษีคุ้มกันคือเป็นที่ฟื้นตัวในตลาดในประเทศชดเชยราคาย่อยยับที่ต้องเจอนอกประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ระบบคุ้มกันอุตสาหกรรมที่ไร้เหตุผลเป็นแค่สินบนที่ให้กับนายทุนแลกกับการสนับสนุนการผูกขาดที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าของกลุ่มผลประโยชน์เจ้าที่ดิน ไม่เพียงผลผลิตการเกษตรเท่านั้นที่โดนเก็บภาษีนำเข้าสูงและสูงขึ้นทุกปี แต่อุตสาหกรรมชนบทบางส่วนที่ประกอบการบนที่ดินผืนใหญ่ของเจ้าที่ดินยังถูกอุ้มด้วยเงินในกระเป๋าของสาธารณะด้วย<noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
q8dnuymd7e2o4sy9xs7wjofv2eg66m1
225463
225462
2024-05-02T12:01:46Z
Thastp
9008
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="1" user="Thastp" />{{หัวสลับ|17|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude>และการผลิตเอง อุตสาหกรรมผลิตเหล็กของเยอรมนีอยู่ในมือของบริษัทใหญ่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมหุ้น รวมกันแล้วผลิตได้มากกว่าที่การบริโภคโดยเฉลี่ยของประเทศสามารถดูดซับได้ถึงสี่เท่า บริษัทเหล่านี้รวมหัวกันหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเองโดยไม่จำเป็น โดยแบ่งสัญญาซื้อขายต่างประเทศระหว่างกัน และกำหนดเจ้าที่จะยื่นประมูลตัวจริงในแต่ละกรณี ไม่กี่ปีก่อน การรวมหัวกันนี้ยังสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าของโรงหลอมเหล็กอังกฤษ แต่ไม่รอดถึงฝั่ง เช่นเดียวกัน เหมืองถ่านหินในเว็สท์ฟาเลิน (ผลผลิตราวสามสิบล้านตันต่อปี) รวมกลุ่มรวมหัวกันควบคุมการผลิต การประมูลสัญญา และราคา ทั้งหมดทั้งมวล นักอุตสาหกรรมเยอรมันทุกคนจะบอกว่าประโยชน์เดียวของภาษีคุ้มกันคือเป็นที่ฟื้นตัวในตลาดในประเทศ เพื่อชดเชยราคาย่อยยับที่ต้องเจอนอกประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ระบบคุ้มกันอุตสาหกรรมที่ไร้เหตุผลเป็นแค่สินบนที่ให้กับนายทุนแลกกับการสนับสนุนการผูกขาดที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าของกลุ่มผลประโยชน์เจ้าที่ดิน ไม่เพียงผลผลิตการเกษตรเท่านั้นที่โดนเก็บภาษีนำเข้าสูงและสูงขึ้นทุกปี แต่อุตสาหกรรมชนบทบางส่วนที่ประกอบการบนที่ดินผืนใหญ่ของเจ้าที่ดินยังถูกอุ้มด้วยเงินในกระเป๋าของสาธารณะด้วย<noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
4pyezw064jjmx4vfok0y2e9gqsnzcg1
225465
225463
2024-05-02T12:20:45Z
Thastp
9008
/* พิสูจน์อักษรแล้ว */
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="3" user="Thastp" />{{หัวสลับ|17|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude>และการผลิตเอง อุตสาหกรรมผลิตเหล็กของเยอรมนีอยู่ในมือของบริษัทใหญ่ไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมหุ้น รวมกันแล้วผลิตได้มากกว่าที่การบริโภคโดยเฉลี่ยของประเทศสามารถดูดซับได้ถึงสี่เท่า บริษัทเหล่านี้รวมหัวกันหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเองโดยไม่จำเป็น โดยแบ่งสัญญาซื้อขายต่างประเทศระหว่างกัน และกำหนดเจ้าที่จะยื่นประมูลตัวจริงในแต่ละกรณี ไม่กี่ปีก่อน การรวมหัวกันนี้ยังสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าของโรงหลอมเหล็กอังกฤษ แต่ไม่รอดถึงฝั่ง เช่นเดียวกัน เหมืองถ่านหินในเว็สท์ฟาเลิน (ผลผลิตราวสามสิบล้านตันต่อปี) รวมกลุ่มรวมหัวกันควบคุมการผลิต การประมูลสัญญา และราคา ทั้งหมดทั้งมวล นักอุตสาหกรรมเยอรมันทุกคนจะบอกว่าประโยชน์เดียวของภาษีคุ้มกันคือเป็นที่ฟื้นตัวในตลาดในประเทศ เพื่อชดเชยราคาย่อยยับที่ต้องเจอนอกประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ระบบคุ้มกันอุตสาหกรรมที่ไร้เหตุผลเป็นแค่สินบนที่ให้กับนายทุนแลกกับการสนับสนุนการผูกขาดที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าของกลุ่มผลประโยชน์เจ้าที่ดิน ไม่เพียงผลผลิตการเกษตรเท่านั้นที่โดนเก็บภาษีนำเข้าสูงและสูงขึ้นทุกปี แต่อุตสาหกรรมชนบทบางส่วนที่ประกอบการบนที่ดินผืนใหญ่ของเจ้าที่ดินยังถูกอุ้มด้วยเงินในกระเป๋าของสาธารณะด้วย อุตสาหกรรมน้ำตาลบีทไม่ได้แค่การคุ้มกันเท่านั้น แต่ยังได้อีกมหาศาลในรูปของเงินอุดหนุนการส่งออก ใครที่ทราบเรื่องนี้ก็จะเห็นว่าถึงเทน้ำตาลที่ส่งออกทิ้งทะเลทั้งหมด โรงงานก็ยังได้กำไรอย่างดีจากเงินอุดหนุนรัฐบาล เช่นเดียวกัน โรงกลั่นเหล้ามันฝรั่งยังจะได้ของขวัญจากกระเป๋าสตางค์สาธารณะกว่าเก้าล้านเหรียญต่อปีตามกฎหมายใหม่ เพราะเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่แทบทุกรายใน<noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
acekml4p4sryn82rtrlvc5ghs0m784j
หน้า:Karl Marx - Wage Labor and Capital - tr. Harriet E. Lothrop (1902).djvu/84
250
69915
225464
2024-05-02T12:09:36Z
Thastp
9008
/* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ สร้างหน้าด้วย ""
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="1" user="Thastp" />{{หัวสลับ|18|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude><noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
fbjq834vlatcccxdr9n8oczupmtyc8v
225466
225464
2024-05-02T14:02:11Z
Thastp
9008
proofread-page
text/x-wiki
<noinclude><pagequality level="1" user="Thastp" />{{หัวสลับ|18|บทนำ|บทนำ}}
{{กกs|จัด=justify}}</noinclude>เยอรมนีตะวันออกเฉียงเหนือถ้าไม่ผลิตน้ำตาลบีทหรือกลั่นเหล้ามันฝรั่งก็ทำทั้งสองอย่าง ไม่แปลกใจเลยที่ผลผลิตพวกนี้ท่วมโลกอยู่
นโยบายแบบนี้ ไม่ว่าภายใต้สถานการณ์ใดก็พังพินาศ ในประเทศที่อุตสาหกรรมยังยืนอยู่ได้ในตลาดที่เป็นกลางด้วยแรงงานราคาถูกเป็นหลักก็จะพังสองเท่า ค่าจ้างในเยอรมนีที่ถูกกดไว้เฉียดจุดอดตายแม้ในสภาวะที่ดีที่สุดเพราะมีประชากรเหลือเฟือ (และซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการย้ายถิ่นออกก็ตาม) จำต้องสูงขึ้นตามสิ่งของจำเป็นที่สูงขึ้นเพราะการคุ้มกัน นักอุตสาหกรรมเยอรมันจะไม่สามารถชดเชยราคาสินค้าที่ย่อยยับด้วยการลดค่าจ้างจากปกติได้อีกต่อไป จากที่ทำอยู่บ่อยครั้ง และจะถูกขับออกจากตลาด ในประเทศเยอรมนี การคุ้มกันกำลังฆ่าห่านที่วางไข่ทองคำ
ฝรั่งเศสก็ประสบผลกระทบจากการคุ้มกัน<noinclude>
{{มปก}}
{{กกe}}</noinclude>
7mcl94jd22htzeilm38q3e912nroba5